การจำค่าสายตาเดิมได้ดีอย่างไร

การจำค่าสายตาเดิมดีอย่างไร?

     เมื่อเข้าร้านแว่นเพื่อตรวจวัดค่าสายตาควรนำแว่นเดิมที่ใส่เป็นประจำหรือใบรับประกันเลนส์ที่มีค่าสายตาติดตัวไปด้วยเพื่อให้ทางผู้ตรวจสามารถวิเคราะห์ถึงปัญหาการมองเห็น และเพื่อหาค่าสายตาที่เหมาะสมต่อผู้สวมใส่แว่น แต่หากไม่ได้นำแว่นเดิมมา ไม่มีใบค่าสายตาหรือจำค่าสายตาไม่ได้เลย ทางการตรวจวัดค่าสายตาที่มีมาตราฐานรวมไปถึงการซักประวัติที่ดีก็ทำให้เราได้ค่าสายตาที่เหมาะสมเช่นเดียวกัน เพียงแต่หากไม่มีค่าสายตาเดิมประกอบการวิเคราะห์อาจจะทำให้ผู้สวมใส่ใช้เวลาในการปรับตัวกับค่าสายตาใหม่เพิ่มขึ้น

ข้อดีของการทราบค่าสายตาเดิม

  1. ทราบถึงแนวโน้มของค่าสายตาในแต่ละปี
    • สามารถใช้ในการประกอบการตัดสินใจทำ LASIK เพื่อดูว่าค่าสายตาคงที่แล้วหรือไม่
    • ดูระดับการมองเห็นเพื่อพิจารณาผ่าตัดต้อกระจก
    • พิจารณาการเปลี่ยนแว่นใหม่
  2. วิเคราะห์ค่าสายตาได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น
           เช่น ลูกค้าบางคนเคยใส่แว่นมา 2 ปี เเต่วันตรวจไม่ได้นำแว่นเดิมมา แต่พอจำค่าสายตาได้น่าจะสั้น 100 วันมารับแว่นจึงนำแว่นเดิมมาให้ดูซึ่งค่าสายตาที่ได้คือสั้น 150 ทั้งสองข้าง แต่ค่าสายตาที่ตรวจได้จริงคือ ข้างขวา สั้น 50 เอียง 100 องศาเอียง 180 ข้างซ้าย สั้น 100 ซึ่งค่าสายตาเพียงเท่านี้ที่ตรวจได้ก็ทำให้เห็นเทียบเท่าคนปกติ การใส่เเว่นเกินค่าสายตาจริงจะทำให้ดวงตาต้องเพ่ง ระบบการมองเห็นบางส่วนทำงานผิดปกติ ส่งผลเสียระยะยาว ลูกค้าใส่เเว่นผิดค่าสายตามานานกว่า 2 ปี การที่จะจ่ายแว่นค่าสายตาใหม่ อาจทำให้ผู้ใส่ช่วงเเรกรู้สึกไม่ชัดเท่าเเว่นตัวเดิม หรืออาจไม่สบายตา เพราะดวงตากำลังพยายามปรับตัว ซึ่งการนำแว่นเดิมมาด้วยจะทำให้ผู้ตรวจวิเคราะห์และวางแผนการตรวจ ร่วมกับการจ่ายเเว่นให้เหมาะสมกับปัญหาของผู้สวมใส่ได้มากยิ่งขึ้น ในกรณีลูกค้ารายนี้อาจจะต้องตรวจการทำงานร่วมกันของทั้งสองตา และหมั่นติดตามผล ซึ่งบางคนอาจจะไม่มีปัญหาหรือบางคนอาจจะต้องค่อยๆปรับค่าสายตาหรือฝึกบริหารกล้ามเนื้อดวงตาร่วมด้วย
  3. คาดการณ์การเกิดโรคบางอย่างทางตา
           เช่น ลูกค้าค่าสายตาเดิมมีค่าเอียงสูงถึง 200 เป็นเเว่นที่ตัดมาปีก่อน ค่าใหม่ที่ตรวจได้เอียงเพิ่มขึ้นเป็น 300 ซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติ ต้องดูค่าสายตาของเเว่นตัวก่อนหน้าประกอบ หรือซักประวัติเพิ่มว่าระดับการมองเห็นเเย่ลงทุกปีหรือไม่ ใส่แว่นครั้งเเรกอายุเท่าไร ในครอบครัวมีใครมีความผิดปกติทางตาหรือไม่ หากลูกค้าจำได้ว่าค่าสายตาครั้งเเรกเเค่สั้นกับเอียงนิดหน่อยเเต่ละปีต้องเปลี่ยนเเว่นเพราะมองไม่ชัดและปวดหัว แนะนำให้พบจักษุเเพทย์ก่อน ยังไม่แนะนำให้ตัดแว่นใหม่เลยทันทีเมื่อค่าสายตาเพิ่มขึ้นเร็วอย่างผิดปกติ เพราะบางทีลูกค้าอาจมีความผิดปกติบางอย่าง เช่น อาจเป็นโรคกระจกตาย้วย (KERATOCONUS) ควรได้รับการตรวจอย่างละเอียดจากจักษุเเพทย์ร่วมกับแก้ไข้การมองเห็นที่เหมาะสมกับนักทัศนมาตร
  4. สามารถเลือกเลนส์ที่เหมาะสม เพื่อให้ง่ายต่อการปรับตัว
           ไม่ใช่เพียงแต่เเค่จำค่าสายตา เเต่หากจำได้ว่าใช้เลนส์ยี่ห้ออะไร รุ่นไหน จะเป็นผลดีอย่างยิ่ง ทางผู้ตรวจสามารถเช็ครุ่นกับ LASER MARK บนผิวเลนส์ ได้ (บางประเภทเลนส์)แต่บางครั้งเลนส์เป็นรอยขีดเยอะมาก หรือลูกค้าลืมนำแว่นเดิมมา หรือแว่นหาย เเต่หากลูกค้าพกใบรับประกันเลนส์ที่มีค่าสายตาพร้อมกับลายละเอียดเลนส์จะสามารถทำให้ผู้ตรวจเลือกเลนส์ได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น ซึ่งสำคัญมากโดยเฉพาะกับลูกค้าที่ใส่เลนส์เฉพาะทาง อย่างเช่น เลนส์โปรเกรสซีฟ เพราะจะทำให้สามารถเทียบรุ่นหาเลนส์ที่เหมาะสมให้กับลูกค้าได้ ลูกค้าจะสามารถปรับตัวกับแว่นค่าสายตาใหม่ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย การวัดสายตาต้องอาศัยองค์ความรู้หลายอย่าง และหลายปัจจัยเพื่อให้ได้แว่นที่เหมาะสมกับผู้สวมใส่ เพราะแว่นสายตาเป็นตัวช่วยให้เราสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ เช่น การทำงาน การเรียน หรือกิจกรรมต่างๆ แว่นไม่ใช่เเค่แว่น ผู้สวมใส่ควรใส่ใจลายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เพื่อการมองเห็นที่ดีของผู้สวมใส่แว่นเอง